ลูกสาวเอาลูกอมยัดหมอนทุกๆคืนจนมดมาทำรังเต็มไปหมดสุดท้าย ทำเอาแม่ใจสลายเมื่อรู้ว่าทำไมลูกทำแบบนี้
มีลูกสาวของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งหลังจากเด็กน้อยกลับจากโรงเรียนทุกวันจะต้องไปที่บ้านครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษเพื่อติวอังกฤษเสริมเพราะพ่อแม่ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้ลูกคนนี้ไปเรียนต่อเมืองนอกในอนาคต ต่อมา เด็กคนนี้มีพฤติกรรมประหลาดบางอย่างของซึ่งไม่รู้ว่าเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร เวลาที่เธอกลับจากเรียนพิเศษทุกครั้งจะกำลูกอมเม็ดหนึ่งวิ่งกลับไปที่ห้อง โดยที่เธอไม่ได้กินลูกอมนั้นแต่จะยัดไว้ในหมอนแทน
ลูกสาวเคยร้องไห้ขอร้องแม่อย่างน่าสงสารว่าไม่ไปเรียนภาษาอังกฤษได้ไหม แต่แม่กลับคิดว่าลูกไม่มีความอดทนจึงดุด่าลูก มีอยู่ครั้งหนึ่งลูกสาวเคยหลอกแม่ว่าไปเรียนพิเศษแต่จริงๆแล้วแอบหนีเรียนไปอยู่บ้านเพื่อน ปรากฏว่าครูสอนพิเศษโทรมาถามแม่ของเธอว่าทำไมวันนี้เด็กไม่มาเรียน แม่จึงโกรธมาก พอตามไปเจอตัวที่บ้านเพื่อนลูก แม่ก็ตีลูกเสียยกใหญ่เดี๋ยวนั้นเลย ทำให้หลังจากนั้นมาเด็กน้อยเริ่มกลายเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดค่อยจา
ผ่านไปหนึ่งเทอม อยู่มาวันหนึ่งแม่พบว่าหมอนของลูกสาวมีมดตัวเล็กๆเดินออกมาอยู่ตลอด และหมอนก็หนักมากกว่าปกติ แม่รู้สึกสงสัยจึงถอดไส้หมอนออกมาดู ปรากฏว่าต้องช็อค เพราะในนั้นมีลูกอมจำนวนมากและห่อพลาสติกที่หุ้มลูกอมบางอันก็ฉีกขาดแล้วมีมดทำรังในนั้นเต็มไปหมด พอลูกกลับมาถึงบ้าน แม่ก็เลยด่าว่าทำไมถึงเอาลูกอมมายัดหมอนจนมดขึ้นสกปรกแบบนี้ ลูกสาวไม่ตอบแต่ร่างกายสั่นเกร็งไปทั้งตัว แล้วก็หยิบลูกอมเหนียวๆในหมอนที่เต็มไปด้วยมดเข้าปาก ทำให้แม่ตกใจมากและพาลูกไปพบจิตแพทย์ ถึงได้รู้ความลับบางอย่างที่น่าตกใจ
ที่แท้ครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษเป็น "พวกบ้ากาม" ทุกครั้งที่เด็กคนนี้ไปติว ครูจะบอกว่าวันนี้เราจะมาเล่น "เกม" กัน ลูกอมนี้คือรางวัลที่เด็กเล่นเกมกับครู และหลังจากที่ล่วงละเมิดทางเพศเด็กเสร็จ ครูจะบอกว่า "ห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้นะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแม่ต้องตีเธอขาลายแน่ๆ นี่เป็นความลับระหว่างเราสองคน ครูก็จะไม่บอกเรื่องนี้กับใครด้วยเหมือนกัน"
ภายหลังครูสอนภาษาอังกฤษคนนี้ถูกตำรวจจับ ส่วนเด็กกลายเป็นโรคซึมเศร้า ถึงพ่อแม่จะพาลูกไปรักษากับจิตแพทย์ก็ตาม แต่บาดแผลที่อยู่ในจิตใจของเด็กคงไม่มีวันลบเลือนและติดอยู่ในใจไปตลอดชีวิต
ต้องชวยกันแชร์เรื่องนี้ออกไปด้วยความปรารถนาดี เพื่อให้ทุกคนใส่ใจลูกหลานของตนให้ดี ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเรื่องราวที่น่าสลดใจเช่นนี้
ที่มา : http://www.manyum.com/post/detail/128552.html